The Origin Of The Diamonds
เพชรเป็นอัญมณีล้ำค่า ที่เป็นสัญญลักษณ์ของความรักที่บริสุทธิ์ และ ความเข็มแข็ง ด้วยรูปลักษณ์ที่ขาวใส เปล่งประกาย และคุณสมบัติยากต่อการแตกหัก ถูกนำมาใช้เป็นตัวกลางสื่อความหมายของความรักของชายหญิงทั่วโลก
เพชรถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย แต่ในระหว่างการซื้อขาย ผู้ขายได้พบว่ามีหลายคำถามที่ยังคาใจผู้ซื้อ และนับว่าเป็นคำถามสำคัญ ในบทความ The Origin Of The Diamonds วิจิตรา จิวเวลรี่ จะมาไขข้อข้องใจให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นประโยชน์และสามารถทำให้เราเข้าใจถึงคุณภาพของเพชรได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้นคะ
1. แต่เพชรเกิดจากอะไร ที่ไหนเป็นแหล่งที่มาของเพชร
2. แต่ละแหล่งสร้างคุณภาพเพชรที่ต่างกันจริงหรือไม่
3. เพชรเบลเยี่ยมที่เราเข้าใจแท้จริงแล้วความหมายที่ถูกต้องคืออะไร
เพรชเกิดจากอะไร
เพชรที่เราเห็นนั้น มีความขาวใส แวววาว และความแข็งสูงอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่มีสิ่งใดที่จะสร้างรอยขีดข่วนที่ตัวเพชรได้เลย มีเพียงเพชรต้องตัดเพชรเท่านั้นที่สร้างรอยขีดข่วนให้กันได้ แท้ที่จริงแล้ว เพชร ประกอบด้วยธาตุเพียงชนิดเดียว เท่านั้น คือ ธาตุคาร์บอน หรือ C (carbon) ซึ่งมีองค์ประกอบเหมือนกับ สิ่งที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวันอีกชนิดหนึ่ง คือถ่าน graphite ที่ใช้มาทำเป็นไส้ดินสอ เขียนหนังสือ ที่มีสีดำ และ มีความลื่น
แต่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่มีองค์ประกอบเหมือนกัน แต่มีรูปลักษณ์ และความแข็ง แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความแตกต่างนี้ นั้นก็คือ กระบวนการเกิดคะ (Formation)
มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ ขุมทรัพย์แห่งกาลเวลา
เพชรเป็นอัญมณีที่เกิดภายใต้ผิวโลก ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 2.5 พันล้านปี และเกิดในชั้นโลกชั้นแรกที่ชื่อว่า Crust เป็นส่วนที่เป็นหิน และมีความแข็ง และในส่วนบริเวณที่มีอายุเก่าแก่ มีอุณหภูมิ และ ความดันคงที่ บริเวณนี้เรียกว่า Craton โดยมีความลึกระหว่าง 90 ไมล์ ถึง 140 ไมล์ จากผิวโลก และมีอุณหภูมิสูงถึง 1,150 – 1,200 องศาเซลเซียส และความกดดัน 45 กิโลบาร์ (kilobar) โดยความดันปกติจากระดับน้ำทะเลนับคือ 1 บาร์ แสดงว่าความดันมากถึง 45,000 บาร์
เพชรจะถือกำเนิดในหินอัคนี (Peridotie) และ หินแปร (Ecologite) ที่เป็นแหล่งของธาตุคาร์บอนจำนวนมาก เมื่อเจอกับอุณหภูมิความร้อน และ ความดันที่ถูกต้อง อนุภาคของคาร์บอนจะรวมตัวกันในรูปแบบ Crystal Stucture เป็นโครงสร้างของอนุภาคที่มีความแข็งแรงที่สุด ที่เป็นปัจจัยสำคัญว่าทำไมเพชรมีความแข็งที่สุด จะเป็นรอยขีดข่วนได้เฉพาะการเสียดสีกับเพชรด้วยกันเองเท่านั้น
หลังจากการ Formation รวมตัวเป็นเพชร เพชรจะถูกดันจากภายใต้เปลือกโลกขึ้นมา ผ่านการประทุของแมกม่า (Magma) ภายในโลกที่ดันผ่านบริเวณ Craton ที่มีเพชรอยู่ การประทุขึ้นมาของแมกม่าที่ส่งเพชรขึ้นมาบนผิวโลกได้สำเร็จนั้น ต้องอาศัยทั้งความเร็ว และพลังของการขยายตัวของแก๊ส เพราะถ้าเพชรเหล่านั้นเจอกับความร้อนที่สูง และความดันกลับลดลงเรื่อยๆ เป็นเวลานาน เพชรจะเปลี่ยนตัวเองกลายเป็น Graphite แทน
“ เพราะความดัน และความร้อนจึงหล่อหลอมกลายเป็นเพชรแท้ ”
แต่ละแหล่งทรัพยากรสร้างคุณภาพเพชรที่ต่างกันจริงหรือไม่
แหล่งทรัพยากรเพชร
ประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรเพชร (Diamond Deposits)
[su_spacer]
เพชรคุณภาพสูงที่เรานิยมใช้ในงานจิวเวลรี่ในปัจจุบัน ได้ถูกส่งมาจากแหล่งทรัพยากรเหล่านี้ทั่วโลก ก้อนเพชรดิบถูกนำมาเจียระไนให้เกิดความสวยงาม เปล่งประกาย โดยแต่ละแหล่งทรัพยากรมีเอกลักษณ์โดดเด่นดังต่อไปนี้
1. เหมือง Ekati ประเทศแคนนาดา เป็นหนึ่งในเหมืองเพชรที่ดีที่สุดในโลกให้ เพชรคุณภาพที่สะอาด
2. เหมือง Udachnaya ประเทศรัสเซีย เป็นเหมืองเพชรผลิตเพชรคุณภาพสูง ใช้ในงานจิวเวลรี่
3. เหมือง Argyle ประเทศออสเตเรีย มีชื่อเสียงในการผลิตเพชรสีชมพู
4. เหมือง Cullinan ประเทศแอฟริกาใต้ มีชื่อเสียงในการผลิตเพชรสีน้ำเงินที่หายาก
ข้อควรรู้ ประเทศเบลเยี่ยมไม่ได้มีแหล่งทรัพยากรเพชร แต่เป็นแหล่งเจียระไนเพชรที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง
ความแตกต่าง และความเหมือนที่นักซื้อเพชรควรเข้าใจ
แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลคุณภาพเพชรและลักษณะพิเศษในแต่ละแหล่งทรัพยากรจะเป็นภาพรวมโดยกว้าง ไม่ได้หมายความว่าเพชรทุกเม็ดจะมีคุณภาพเดียวกันทั้งหมด เพชรสามารถมีคุณภาพหลากหลายในหนึ่งแหล่งได้ นั้นหมายถึง ทรัพยากรเพชรที่มีคุณภาพสูงเองสามารถผลิตเพชรที่มีคุณภาพต่ำได้ ในแหล่งทรัพยากรเพชรที่ด้อยกว่าก็สามารถผลิตเพชรคุณภาพสูงได้เช่นกัน
เป้าหมายที่แท้จริงในการซื้อเพชร คือการได้ซื้อเพชรที่มีคุณภาพสูง ดังนั้นสิ่งแรกที่ลูกค้าควรยึดก่อนแหล่งที่มา คือ ข้อมูล 4Cs ของเพชรแต่ละเม็ดที่สำคัญอันดับเป็นหนึ่ง อันประกอบด้วย
1. Carat Weight น้ำหนักเพชร
2. Color Grade สีของเพชร
3. Clarity Grade ความสะอาดของเพชร
4. Cut Grade การเจียระไนเพชร
ที่เป็นเครื่องชี้วัดความสวย และ คุณภาพที่แท้จริงของเพชรแต่ละเม็ด ส่วนแหล่งที่มาให้อยู่เป็นอันดับสองตามความชอบส่วนบุคคลคะ
เราสามารถที่จะรู้แหล่งที่มาของเพชรที่เราซื้อได้หรือไม่
คำตอบคือ ได้ ในปัจจุบันนี้ทาง Lab GIA (Gemological Institute of America) ได้มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบลักษณะทางวิทยาศาสตร์ในเพชรดิบได้ ซึ่งข้อมูลแหล่งที่มาของเพชร จะปรากฏในหน้าใบเซอร์ ในส่วน Origin Results ดังรูปด่านล่าง
แต่อย่างไรก็ตาม ไมใช่เพชรทุกเม็ดที่จะมี Origin Result ปรากฏในหน้าใบเซอร์ ต้องเป็นเพชรที่ทางผู้ผลิตได้ยื่นเข้ารับการตรวจสอบ Origin Of Diamonds เท่านั้น
วิธีการตรวจสอบ Origin Of Diamonds ของ GIA จะมีวิธีการดำเนินการดังต่อไปนี้
ทางผู้ผลิตต้องส่งเพชรดิบโดยตรงจากเหมือง เข้ารับตรวจสอบโครงสร้างทางวิทยาศาสตร์ กับทางสถาบัน GIA จะมีการตรวจสอบลักษณะพิเศษ และได้ทำการบันทึกไว้ จากนั้นจะให้เลข Serial เฉพาะของเพชรเม็ดนั้นมา หลังจากเพชรผ่านการเจียระไนแล้ว ทางผู้ผลิตต้องส่งเพชรเข้ารับการตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าเป็นเพชรเม็ดเดิมคะ
เพชรอินเดีย เพชรเบลเยี่ยม และ เพชรรัชเชี่ยน หมายถึงอะไร
เพชรอินเดีย เพชรเบลเยี่ยม และ เพชรรัชเชี่ยน หมายถึง แหล่งที่มาในการเจียระไนเพชร ไม่ใช่แหล่งทรัพยากรของเพชร อย่างที่หลายคนเข้าใจคะ โดยเป็นการให้คำนิยามในกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขาย เรียกเพชรที่ได้รับการเจียระไนที่สวยงาม ว่าเป็น เพชรเบลเยี่ยม และ เพชรรัชเชี่ยน ส่วนเพชรอินเดียจะใช้เรียกสำหรับเพชรที่เจียระไนเหลี่ยมไม่สวยคะ ทั้งนี้มีลูกค้าบางท่านเข้าใจว่า เพชรรัชเชี่ยน เป็น เพชรรัสเซีย ที่หมายถึงเพชรปลอม ซึ่งเป็นคนละความหมายนะคะ
แต่อย่างไรก็ตาม คำนิยามเหล่านี้ไม่มีระบบมาตรฐานตายตัวที่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นคำการันตีจากผู้ขายเพียงฝ่ายเดียว ลูกค้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ ดังนั้นลูกค้าจะสามารถตรวจสอบได้อย่างไรว่า เพชรที่ซื้อมาเป็นเพชรเหลี่ยมที่สวยที่สุดจริง ทั้งนี้อยากให้ตรวจสอบดูเหลี่ยมเพชรจากกล้องส่องเหลี่ยมเพชรโดยเฉพาะ ว่าเป็นรูป Heart & Arrow ที่มีความสมบูรณ์ หรือไม่ ถ้ามีความสมบูรณ์ ดูผ่านกล้องส่องเหลี่ยมเพชร ก้านธนู 8 อัน และ หัวใจ 8 ดวง มีความสว่างทั้งหมด จะเรียกว่าเป็น Ideal Perfect Cut Heart & Arrow เป็นเหลี่ยมเพชรที่เล่นไฟดีที่สุดคะ
8 Perfect Hearts & 8 Perfect Arrows